วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557


มิกกี้เม้าส์
ชื่ออื่นๆ :       -
ชื่อสามัญ :      Micky mouse
ชื่อวิทยาศาสตร์ :        Ochna kirkii Oliv.
วงศ์ :  Ochnaceae
ถิ่นกำเนิด :      อเมริกา
ลักษณะพฤกษศาสตร์ :  เป็นไม้พุ่มยืนต้น เปลือกต้นสีน้ำตาลดำ แตกกิ่งก้านมาก ข้อปล้องถี่สั้น กิ่งอ่อนสีเขียว การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบสลับ ใบเดี่ยวทรงรีสีเขียวเข้ม ปลายแหลมมีติ่งหนาม โคนแหลมมน ขอบใบเป็นหยักแบบฟันเลื่อย ปลายเป็นติ่งหนาม ก้านใบสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบดอกเป็นอิสระจากกัน ปลายโค้งมน โคนเรียวแหลม  กลีบดอกบางและร่วงหลุดง่าย  กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบรูปรี กลีบงุ้มเป็นแบบช้อน ระยะแรกสีเขียว เมื่อกลีบดอกหลุดร่วงแล้วจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ผลรูปรีเมื่อแก่สีดำ เกาะติดบนฐานรองดอกสีแดงที่นูนขึ้น เมล็ดรูปรีสีดำ
การขยายพันธุ์ :
        การเพาะเมล็ด การปักชำกิ่ง และการตอนกิ่ง
การปลูก :     
        ปลูกเป็นต้นเดี่ยวๆ เพื่อโชว์ทรงพุ่ม ดอก กลีบเลี้ยง และฐานรองดอก
        ปลูกเป็นกลุ่มหลายๆ ต้น เพื่อโชว์ทรงพุ่ม ดอก กลีบเลี้ยง และฐานรองดอก
การดูแลรักษา :
        ประดับตามมุมหรือขอบแนวอาคาร ในส่วนที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงได้ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
        ปลูกประดับในสนามที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน
        รดน้ำให้บ้างเดือนละครั้ง หรือเมื่อพืชแสดงอาการเหี่ยวจนเกินไป
การใช้ประโยชน์ด้าน :
ภูมิสถาปัตย์    
        ให้ความรู้สึกแข็งแรงของทรงพุ่มต้น

        โชว์กลีบเลี้ยงสีแดงสดที่มีความทนทานติดอยู่กับต้นได้นาน

แก้วเจ้าจอม
ชื่ออื่นๆ :       -
ชื่อสามัญ :      Kaeo chao chom, Lignum vitae
ชื่อวิทยาศาสตร์ :        Guaiacum officinale L.
วงศ์ :  Zygophyllaceae
ถิ่นกำเนิด :      ทวีปอเมริกาใต้และหมู่เกาะเวสต์อินดีส นำมาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ลักษณะทั่วไป :   ไม้พุ่มขนาดเล็ก - กลาง ทรงพุ่มค่อนข้างกลม
การขยายพันธุ์ :
        การเพาะเมล็ด เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมี % ความงอกสูง และมีการติดเมล็ดมาก
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :       
        เป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามโดยธรรมชาติ ไม่มีความจำเป็นในเรื่องการตัดแต่งทรงพุ่ม
        เป็นพันธุ์ไม้ประดับที่มีมนต์เสน่ห์ที่ทรงพุ่มสวยงามตลอดปี
        มีช่วงอายุการใช้ประดับได้นานมากว่า 25 ปี หรืออาจมากกว่านี้ (ข้อมูลจากการปลูกที่ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยฯ)
        เป็นพันธุ์ไม้ที่มีใบขนาดเล็ก และใบจะทยอยร่วงเกือบตลอดเวลาแต่ครั้งละน้อยๆ จนเราแทบไม่รู้สึกว่ามีการร่วงของใบ
        เป็นพันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้ดีในเกือบทุกสภาพดิน
ข้อแนะนำ :     
        เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มกลม การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า และต้องการแสงแดดเต็มวัน จึงไม่ควรปลูกใกล้กับพันธุ์ไม้ชนิดอื่น เพราะจะทำให้ต้นสูงชะลูดไม่ได้รูปทรง ความหนาแน่นของใบจะลดลงมาก
        แก้วเจ้าจอมมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางเท่านั้น การรดน้ำมากหรือน้อยเกินไปจะไม่มีผลดีกับแก้วเจ้าจอม
        การเพาะเมล็ดแก้วเจ้าจอมควรรีบทำเมื่อเมล็ดเริ่มร่วงจากต้น เมล็ดจะสูญเสียความงอกรวดเร็วหากไม่ทำการเพาะเมล็ด
        แก้วเจ้าจอมจะสวยงามมากหากปลูกในสนามหญ้าหรือพื้นที่โล่งแจ้ง และมีแสงแดดเพียงพอ
        ระยะปลูกที่แนะนำ คือ 5 X 5 ม. (ข้อมูลจากทรงพุ่มที่ยังไม่มีการตัดแต่ง 25 ปี)
        แก้วเจ้าจอมที่ขายในตลาดต้นไม้ทั่วไปมี 2 แบบด้วยกัน คือ แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูกในภาชนะปลูกขณะที่ต้นยังเล็กอยู่ และอีกแบบหนึ่งก็คือ เป็นแก้วเจ้าจอมที่ปลูกลงพื้นดินเมื่อได้ขนาดตามต้องการจะใช้วิธีการขุดล้อมออกจากพื้นที่ (การบอน) ทั้งสองชนิด มีข้อดีแตกต่างกันออกไปคือ
        แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูก จะได้แก้วเจ้าจอมที่ค่อนข้างแข็งแรง ทรงพุ่มได้สัดส่วน ดูแลรักษาภายหลังปลูกง่าย การเจริญเติบโตภายหลังปลูกรวดเร็ว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ขนาดของต้นจะค่อนข้างเล็ก เหมาะกับผู้ที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ชนิดนี้
        แบบปลูกลงพื้นดินและทำการบอนขึ้นมาปลูก วิธีนี้จะได้แก้วเจ้าจอมที่มีขนาดใหญ่ตามจำนวนเงินที่ท่านมี วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการต้นไม้ขนาดใหญ่ในทันที การดูแลรักษาแก้วเจ้าจอมภายหลังปลูกจะต้องดูแลรักษาอย่างดีในช่วง 1 ปีหลังการย้ายปลูก
ข้อมูลอื่นๆ :    
        แก้วเจ้าจอมที่ฝ่ายปฏิบัติการการวิจัยฯ มี 2 ชนิดคือ ชนิด 6 ใบ และชนิด 4 ใบ
        แก้วเจ้าจอมชนิด 6 ใบ มีการเจริญเติบโตเร็วกว่าแก้วเจ้าจอมชนิด 4 ใบ
        แก้วเจ้าจอมชนิด 6 ใบ มีราคาถูกกว่าแก้วเจ้าจอมชนิด 4 ใบ (ขนาดต้นและทรงพุ่มเท่ากัน)
        ในทรรศนะของผู้รวบรวม จะเลือกปลูกแก้วเจ้าจอมที่ได้จากการเพาะเมล็ดและย้ายลงถุงขนาดเล็ก เพราะว่าราคาจะถูกกว่าแบบที่บอนมาปลูก การดูแลรักษาภายหลังการปลูกง่ายกว่า

หมายเหตุ :      ข้อมูลนี้เป็นแก้วเจ้าจอมชนิด 6 ใบ





ช้อนทอง

ชื่ออื่นๆ :       ช่อสุวรรณ  สร้อยสุวรรณ
ชื่อสามัญ :      Dwarf yellow mussaenda, Yellow mussaenda
ชื่อวิทยาศาสตร์ :        Pseudomussaenda flava, Mussaenda lutea, Mussaenda luteola, Mussaenda glabra, Mussaenda incana
วงศ์ :  Rubiaceae
ถิ่นกำเนิด :      ประเทศไทย มาเลเชีย และเขตร้อนของแอฟริกา
ลักษณะทั่วไป :   ไม้พุ่มทึบขนาดเล็ก เจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว
ฤดูการออกดอก :      ออกดอกตลอดปี  ออกดอกมากช่วงฤดูฝน  พ.ค. - ก.ย.
การขยายพันธุ์ :
        อยู่ในระหว่างการเก็บข้อมูล
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :       
        ดูแลรักษาง่าย อดทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีชนิดหนึ่ง
        การเจริญเติบโตรวดเร็ว  ใบไม่ค่อยร่วง
ข้อแนะนำ :     
        พันธุ์ไม้ชนิดนี้เมื่อปลูกไว้นานๆ จะมีใบและดอกเล็กลง สามารถแก้ไขได้โดยการตัดแต่งในระดับความสูง ประมาณ 50 ชม. (จากการเก็บข้อมูลในรอบปีที่ผ่านมาพบว่า สามารถแตกกิ่งก้านสาขาใหม่พร้อมออกดอกภายในเวลา  75 วันนับจาการตัดแต่ง)

        สามารถปลูกได้ดีทั้งพื้นที่ได้รับแดดเต็มวันและแดดครึ่งวัน



บานเช้า
ชื่ออื่นๆ :       บานเช้าสีขาว
ชื่อสามัญ :      -
ชื่อวิทยาศาสตร์ :        Turnera subulata G.E.Sm.
วงศ์ :  Turneraceae
ถิ่นกำเนิด :      อเมริกาเขตร้อน
ลักษณะพฤกษศาสตร์ :  เป็นไม้ล้มลุกมีเนื้อไม้ แตกกิ่งก้านมากและมักโค้งลงสู่พื้นปรกคลุมดิน กิ่งอ่อนมีขนสั้นอ่อนนุ่มสีขาวเกาะติดจำนวนมาก การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบเวียน ใบเดี่ยวทรงรีสีเขียว ปลายแหลม โคนเรียวแหลม ขอบใบเป็นหยักแบบฟันเลื่อย มีหูใบขนาดเล็กทรงสามเหลี่ยมสีเขียวปลายสีเหลือง ก้านใบสีเขียวอ่อนอมเหลือง ดอกออกเดี่ยวที่ซอกใบบริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบสีม่วงดำ กลางสีเหลือง ปลายสีขาว ดอกบานตอนเช้าเมื่อมีแสงแดดแล้ว ตอนเย็นจะเหี่ยวหุบเป็นรูปหลอดตั้ง ผลทรงกลมปลายแหลม แห้งแล้วแตกเป็น 3 พู เมล็ดทรงกลมขนาดเล็กจำนวนมาก
การขยายพันธุ์ :
        การเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง
การปลูก :     
        ปลูกเป็นกลุ่มหลายๆ ต้น
        เป็นแปลงยาวทรงกลม โดยตัดแต่งกิ่งให้มีความสูงตามต้องการ
        เป็นรั้วหรือกลุ่มดอกไม้
การดูแลรักษา :
        ประดับตามมุมหรือขอบแนวอาคาร ในส่วนที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงได้ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน
        ปลูกประดับในสนามที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน
        ต้องมีการตัดแต่งกิ่งเสมอเพื่อให้แตกยอดใหม่ หรือเมื่อเห็นว่าการออกดอกไม่ดกแล้ว
        ต้องการน้ำปานกลาง - มาก
        ต้องการปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15:15:15 เดือนละครั้งเพื่อให้ออกดอกดก
การใช้ประโยชน์ด้าน :
ภูมิสถาปัตย์    
        ให้ความรู้สึกเป็นแนวบังสายตาที่เป็นดอกไม้สีขาวแต้มดำ
        ให้ความรู้สึกเป็นกระถางดอกไม้ขนาดใหญ่กลางสนามหญ้า
        ช่วยลดความเขียวและเพิ่มความสว่างของสนามและอาคาร
เอกสารอ้างอิง :
1.      พลเอก ยุทธนา คำดี.  ไม้ดอกและไม้ประดับเฉลิมพระเกียรติ.  บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด. 2536
2.      ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้.  ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2544.  ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้ พิมพ์ครั้งที่ 2 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม).  พิมพ์ที่ บริษัทประชาขน จำกัด. 2544

รวบรวมโดย :   รัตนะ สุวรรณเลิศ  หน่วยอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พืชพรรณ ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ. นครปฐม


ปาล์มน้ำพุ


ชื่ออื่นๆ :          หมากออสเตรเลีย  ปาล์มคาเพน  ปาล์มคาเพนทาเรี่ย
ชื่อสามัญ :       Carpentariapalm
ชื่อวิทยาศาสตร์ :         Carpentaria acuminate (H. Wendl. & Drude) Becc.
วงศ์ :    Palmae (Arecaceae)
ถิ่นกำเนิด :      ออสเตรเลีย
ลักษณะพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ใบเลี้ยงเดี่ยวยืนต้น มีอายุหลายปี รากแผ่กระจายรอบลำต้นเป็นบริเวณกว้าง ลำต้นสีเทา เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 ชม. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ดอกออกเป็นช่อสีครีมอ่อนมีดอกย่อยจำนวนมาก ช่อผลเรียกทลาย ผลย่อยทรงกลมรีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เมื่อแก่เต็มที่สีแดงสด เมล็ดสีครีมอ่อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.8 ซม.
การขยายพันธุ์ :โดยการเพาะเมล็ด
การปลูก :ปลูกเป็นต้นเดี่ยวๆ เป็นแนวขนานกับเส้นทางหรือขอบอาคาร
            ปลูกในลักษณะเป็นเส้นแนวต่างๆ
            ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 6 ม.
การดูแลรักษา :ปลูกประดับในส่วนที่มีแสงแดดส่องเข้าถึงตลอดทั้งวัน
ปลูกประดับในสนาม หรือขอบแนวอาคาร โดยมีระยะห่างจากขอบอาคารไม่น้อยกว่า 5 ม.
การใช้ประโยชน์ด้าน :ภูมิสถาปัตย์     ให้ความรู้สึกของขอบเขตในแนวตั้งแบบกระจายไม่หนาแน่น เนื่องจากปาล์มชนิดนี้มีใบอยู่ในจังหวะที่สูงให้ความรู้สึกของเสารั้วที่ไม่แข็งจนเกินไป เนื่องจากลำต้นของปาล์มชนิดนี้มีขนาดไม่ใหญ่นักและเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เมื่อถูกลมพัด


                                  



เข็มชมพูแคระ
ชื่ออื่นๆ :     เข็มพิษณุโลกชมพู
ชื่อสามัญ :   -
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Ixora hybrid
วงศ์ : Rubiaceae
ถิ่นกำเนิด :   Trop. Africa, Asia, Australia, S. Pacific Is.
ลักษณะทั่วไป :       ไม้พุ่มขนาดเล็ก แตกกิ่งก้านจำนวนมาก ทรงพุ่มแน่นทึบ
ฤดูการออกดอก :   ตลอดปี
การขยายพันธุ์ :    
       การตอน การปักชำ เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :   
       มีความอดทนต่อสภาพแวดล้อม ต้องการน้ำในระดับปานกลาง - น้อยได้ดีชนิดหนึ่ง
       มีข้อปล้องถี่ ทำให้การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า ไม่มีความจำเป็นต้องตัดแต่งมากนัก
       ออกดอกตลอดปี สีสันสวยงาม ราคาถูก
ข้อแนะนำ :   
       ปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้งขนาดเล็กได้ดี
       พันธุ์ไม้ในกลุ่มนี้เมื่อมีการออกดอกจำนวนมาก เมื่อดอกโรยควรมีการตัดแต่งดอกที่โรยออกบ้าง จะทำให้มีดอกที่มีขนาดสมบรูณ์ตลอดเวลา

       เข็มชมพูแคระไม่ค่อยทนทานต่อสภาพดินเค็ม การปลูกในสภาพดินเค็มจะพบอาการใบเหลืองและมีดอกขนาดเล็กลง จากข้อมูลการปลูกเข็มในสวนไม้หอมของฝ่ายปฏิบัติการวิจัยฯ พบว่าในช่วงปีที่ 1 - 2 มีสภาพการเจริญเติบโตปานกลาง สีของใบไม่เขียวเข้มเท่าที่ควร  ช่วงปีที่ 3- 4 จะแสดดงอาการใบเหลือง ดอกก็ออกน้อยลง ท่านใดที่ปลูกเข็มชนิดนี้และพบอาการดังกล่าว แนะนำให้ให้เปลี่ยนพืชนิดอื่นที่ทนสภาพดินเค็ม เช่น แก้วแคระ แทน เพราะเป็นพันธุ์ไม้ขนาดเล็กใกล้เคียงกัน และที่สำคัญคือมีการออกดอกบ่อย และมีกลิ่นหอมแรงด้วย



น้ำเต้าต้น
ชื่ออื่นๆ :          น้ำเต้าญี่ปุ่น
ชื่อสามัญ :       Calabash
ชื่อวิทยาศาสตร์ :         Crescentia cujete Linn.
วงศ์ :    Bignoniaceae
ถิ่นกำเนิด :      -
ลักษณะทั่วไป :      ไม้พุ่มขนาดกลาง รูปทรงกิ่งมีลีลาอ่อนช้อยสวยงาม รูปทรงไม่ค่อยแน่นอน การตัดแต่งมีอิทธิพลต่อรูปทรงพันธุ์ไม้ประดับชนิดนี้
การขยายพันธุ์ :           
            การเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่เหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากมีผลขนาดใหญ่ และมีเมล็ดมาก
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :       
            ไม่ต้องการการดูแลรักษามาก ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน
            เจริญเติบโตเร็ว (ที่สวนไม้หอมฯ ปลูก 2.5 ปีสูงประมาณ 4 ม. เศษ)
            ทนแล้งได้ดี ภายหลังจากปีที่ 1 ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรดน้ำเพิ่มเติมเป็นประจำข้อแนะนำ :     
            ปลูกเป็นไม้ประดับสวนและสนามที่ต้องการความอ่อนหวาน เนื่องจากลักษณะยอดในแต่ละกิ่งยาวแหลมเรียวทอดโค้งไปมา
            มีผลสีเขียวสวยงาม ห้อยกระจายทั่วไปภายในทรงพุ่ม
ข้อมูลอื่นๆ :
            ใบ พอกแก้ปวดศีรษะ

            ผล ช่วยระบาย ขับเสมหะ แก้บิด ขับปัสสาวะ แก้ไข้