แก้วเจ้าจอม
ชื่ออื่นๆ : -
ชื่อสามัญ : Kaeo
chao chom, Lignum vitae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale L.
วงศ์ : Zygophyllaceae
ถิ่นกำเนิด : ทวีปอเมริกาใต้และหมู่เกาะเวสต์อินดีส นำมาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่
5
ลักษณะทั่วไป : ไม้พุ่มขนาดเล็ก - กลาง ทรงพุ่มค่อนข้างกลม
การขยายพันธุ์ :
การเพาะเมล็ด
เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากมี % ความงอกสูง และมีการติดเมล็ดมาก
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามโดยธรรมชาติ
ไม่มีความจำเป็นในเรื่องการตัดแต่งทรงพุ่ม
เป็นพันธุ์ไม้ประดับที่มีมนต์เสน่ห์ที่ทรงพุ่มสวยงามตลอดปี
มีช่วงอายุการใช้ประดับได้นานมากว่า
25 ปี หรืออาจมากกว่านี้ (ข้อมูลจากการปลูกที่ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยฯ)
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีใบขนาดเล็ก
และใบจะทยอยร่วงเกือบตลอดเวลาแต่ครั้งละน้อยๆ จนเราแทบไม่รู้สึกว่ามีการร่วงของใบ
เป็นพันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้ดีในเกือบทุกสภาพดิน
ข้อแนะนำ :
เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มกลม
การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า และต้องการแสงแดดเต็มวัน จึงไม่ควรปลูกใกล้กับพันธุ์ไม้ชนิดอื่น
เพราะจะทำให้ต้นสูงชะลูดไม่ได้รูปทรง ความหนาแน่นของใบจะลดลงมาก
แก้วเจ้าจอมมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางเท่านั้น
การรดน้ำมากหรือน้อยเกินไปจะไม่มีผลดีกับแก้วเจ้าจอม
การเพาะเมล็ดแก้วเจ้าจอมควรรีบทำเมื่อเมล็ดเริ่มร่วงจากต้น
เมล็ดจะสูญเสียความงอกรวดเร็วหากไม่ทำการเพาะเมล็ด
แก้วเจ้าจอมจะสวยงามมากหากปลูกในสนามหญ้าหรือพื้นที่โล่งแจ้ง
และมีแสงแดดเพียงพอ
ระยะปลูกที่แนะนำ
คือ 5
X 5 ม. (ข้อมูลจากทรงพุ่มที่ยังไม่มีการตัดแต่ง 25 ปี)
แก้วเจ้าจอมที่ขายในตลาดต้นไม้ทั่วไปมี
2 แบบด้วยกัน คือ แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูกในภาชนะปลูกขณะที่ต้นยังเล็กอยู่ และอีกแบบหนึ่งก็คือ
เป็นแก้วเจ้าจอมที่ปลูกลงพื้นดินเมื่อได้ขนาดตามต้องการจะใช้วิธีการขุดล้อมออกจากพื้นที่
(การบอน) ทั้งสองชนิด มีข้อดีแตกต่างกันออกไปคือ
แบบเพาะเมล็ดและย้ายปลูก
จะได้แก้วเจ้าจอมที่ค่อนข้างแข็งแรง ทรงพุ่มได้สัดส่วน ดูแลรักษาภายหลังปลูกง่าย การเจริญเติบโตภายหลังปลูกรวดเร็ว
แต่ก็มีข้อจำกัดที่ขนาดของต้นจะค่อนข้างเล็ก เหมาะกับผู้ที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ชนิดนี้
แบบปลูกลงพื้นดินและทำการบอนขึ้นมาปลูก
วิธีนี้จะได้แก้วเจ้าจอมที่มีขนาดใหญ่ตามจำนวนเงินที่ท่านมี วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการต้นไม้ขนาดใหญ่ในทันที
การดูแลรักษาแก้วเจ้าจอมภายหลังปลูกจะต้องดูแลรักษาอย่างดีในช่วง 1 ปีหลังการย้ายปลูก
ข้อมูลอื่นๆ :
แก้วเจ้าจอมที่ฝ่ายปฏิบัติการการวิจัยฯ
มี 2 ชนิดคือ ชนิด 6 ใบ และชนิด 4 ใบ
แก้วเจ้าจอมชนิด
6 ใบ มีการเจริญเติบโตเร็วกว่าแก้วเจ้าจอมชนิด 4 ใบ
แก้วเจ้าจอมชนิด
6 ใบ มีราคาถูกกว่าแก้วเจ้าจอมชนิด 4 ใบ (ขนาดต้นและทรงพุ่มเท่ากัน)
ในทรรศนะของผู้รวบรวม
จะเลือกปลูกแก้วเจ้าจอมที่ได้จากการเพาะเมล็ดและย้ายลงถุงขนาดเล็ก เพราะว่าราคาจะถูกกว่าแบบที่บอนมาปลูก
การดูแลรักษาภายหลังการปลูกง่ายกว่า
หมายเหตุ : ข้อมูลนี้เป็นแก้วเจ้าจอมชนิด
6 ใบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น